
หม้อแปลงไฟฟ้าแรงสูง หรือ High Volt Transformer อุปกรณ์ในการสร้างกระแสไฟฟ้าชิ้นสำคัญซึ่งปัจจุบันพื้นที่ต่าง ๆ ต้องมีการติดตั้งเพื่อให้ทุกสถานที่สามารถใช้ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงยังเกิดประโยชน์ด้านอื่นอีกมากมาย ดังนั้นการตรวจสอบหม้อแปลงก่อนนำขึ้นติดตั้งจึงเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจและห้ามมองข้ามเด็ดขาด มาลองเช็กลิสต์กันแบบครบถ้วนได้เลย
หม้อแปลงที่นิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมและที่พักอาศัย
หม้อแปลงแบบน้ำมัน (Oil-Immersed Transformer) ถือเป็นประเภทหม้อแปลงที่มักพบในโรงงานอุตสาหกรรมหรืออาคารที่พัก เช่น คอนโดมิเนียม เพราะสามารถรองรับการโหลดไฟฟ้าขนาดใหญ่ และระบายความร้อนได้ดีโดยใช้น้ำมันเป็นตัวกลาง อย่างไรก็ตามต้องเลือกหม้อแปลงให้เหมาะสมกับกระแสไฟที่ใช้ในพื้นที่ต่าง ๆ ด้วย
อีกปัจจัยที่ควรรู้สำหรับการเลือกหม้อแปลงเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น พื้นที่ติดตั้ง ความต้องการพลังงาน และข้อกำหนดด้านความปลอดภัย
การตรวจสอบอุปกรณ์หม้อแปลงไฟฟ้าก่อนการติดตั้ง
ก่อนทำการติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้า ต้องมีการตรวจสอบความครบถ้วนของอุปกรณ์และสภาพของหม้อแปลงเพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าตรงตามมาตรฐานและพร้อมใช้งาน ซึ่งอุปกรณ์หลักที่ควรตรวจสอบ ดังนี้
1. หัวเพรชเชอร์ (Pressure Relief Device)
– หน้าที่: ใช้ระบายแรงดันภายในถังหม้อแปลงหากอุณหภูมิน้ำมันสูงเกินไป หรือมีการขยายตัวแบบผิดรูปเพื่อปกป้องถังน้ำมันหากมีการระเบิดในกรณีฉุกเฉิน
– สิ่งที่ต้องตรวจสอบ:
o หัวเพรชเชอร์ติดตั้งแน่นหนา ไม่มีรอยรั่ว
o ไม่มีสัญญาณหรือลักษณะชำรุด เช่น รอยแตก
2. ออยเลเวลเกจ (Oil Level Gauge)
– หน้าที่: แสดงระดับน้ำมันหม้อแปลงที่อยู่ภายในถัง และช่วยตรวจสอบระดับน้ำมันให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม
– สิ่งที่ต้องตรวจสอบ:
o ระดับน้ำมันควรอยู่ในตำแหน่งที่ลูกลอยแสดง (ปกติลูกลอยควรลอยสูงเมื่อเติมน้ำมันเต็ม)
o ไม่มีคราบน้ำมันหรือรอยรั่วอื่นใดรอบเกจ
3. แท็ป เชนเจอร์ (Tap Changer)
– หน้าที่: จะช่วยปรับแรงดันไฟฟ้าในหม้อแปลงให้คงที่ก่อนจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ
– สิ่งที่ต้องตรวจสอบ:
o มีการกำหนดจุดตั้งแท็ปใหเเหมาะสมกับแรงดันใช้งานที่ต้องการ
o ต้องไม่มีความเสียหายหรือการทำงานใดผิดปกติ
4. บูชชิ่งแรงสูง (High Voltage Bushings)
– หน้าที่: นี่คือจุดเชื่อมต่อสายไฟฟ้าแรงสูงเพื่อเข้าสู่หม้อแปลง คล้ายตัวกลางการทำงานระหว่างสายไฟฟ้ากับถังหม้อแปลง
– สิ่งที่ต้องตรวจสอบ:
o บูชชิ่งแรงสูง 3 ชุดสำหรับเฟส A, เฟส B และเฟส C
o สังเกตดี ๆ ว่าต้องไม่มีรอยแตกร้าวหรือคราบสกปรกบริเวณฉนวน
5. เบิร์ดการ์ด (Bird Guard)
– หน้าที่: ช่วยป้องกันนกหรือสัตว์เล็กไม่ให้สัมผัสกับบูชชิ่งแรงสูง
– สิ่งที่ต้องตรวจสอบ:
o มีการติดตั้งครบถ้วนทั้ง 3 ชุด
o ไม่มีรอยแตกหักหรือชำรุดใด ๆ กับตัวอุปกรณ์
6. คอนเนคเตอร์แรงต่ำ (Low Voltage Terminals)
– หน้าที่: เป็นจุดเชื่อมต่อไฟฟ้าจากหม้อแปลงเข้าไปยังสายไฟฟ้าแรงต่ำ
– สิ่งที่ต้องตรวจสอบ:
o คอนเนคเตอร์แรงต่ำควรมีให้ครบทั้ง 4 ชุด ได้แก่ เฟส A, เฟส B, เฟส C และนิวทรัล (N)
o บริเวณจุดเชื่อมต่อแน่นหนา ไม่มีรอยไหม้หรือสนิมใด ๆ
7. เนมเพลท (Nameplate)
– หน้าที่: ระบุข้อมูลสำคัญของหม้อแปลง เช่น รุ่น, ขนาด (kVA), และแรงดันไฟฟ้า อีกทั้งยังช่วยให้ติดต่อฝ่ายบริการได้รวดเร็วกรณีหม้อแปลงมีปัญหาสามารถแจ้งข้อมูลได้อย่างถูกต้องทันที
– สิ่งที่ต้องตรวจสอบ:
o เนมเพลทต้องมีการระบุข้อมูลของหม้อแปลงครบถ้วน เช่น โลโก้ของบริษัท, หมายเลขประจำเครื่อง, และข้อมูลระบบต่าง ๆ
o ไม่มีรอยขูดขีดหรือหลุดลอกใด ๆ ที่ทำให้ข้อมูลหายไปหรือจางลง
8. ครีบคลอรูเกต (Corrugated Fins)
– หน้าที่: ช่วยระบายความร้อนที่เกิดจากการทำงานของหม้อแปลง โดยวิธีเพิ่มพื้นที่ผิวสำหรับถ่ายเทความร้อนออกสู่อากาศภายนอก และยังมีบทบาทสำคัญในการรักษาอุณหภูมิของน้ำมันหม้อแปลงให้เหมาะสม
– สิ่งที่ต้องตรวจสอบ:
o ต้องตรวจสอบประสิทธิภาพของครีบคลอรูเกตสำหรับการทำงานร่วมกับหม้อแปลงในระยะยาว
o ไม่มีสัญญาณหรือลักษณะชำรุด เช่น รอยแตก
จะเห็นว่าหม้อแปลงที่โรงงานอุตสาหกรรมหรืออาคารที่พัก เช่น คอนโดมิเนียม นิยมใช้นั้นคือหม้อแปลงแบบน้ำมัน (Oil-Immersed Transformer) ด้วยประสิทธิภาพที่สามารถการรองรับโหลดไฟฟ้าขนาดใหญ่และสามารถระบายความร้อนได้ดีโดยใช้น้ำมันเป็นตัวกลาง อย่างไรก็ตามระบบของหม้อแปลงต้องปรับให้เหมาะสมกับพื้นที่ใช้งาน และต้องเลือกหม้อแปลงโดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเสมอ หรือถ้าไม่มั่นใจว่าควรใช้แบบไหนดี Triple A ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าแรงสูง รวมถึงยังมีบริการงานซ่อมแซมและบำรุงรักษายินดีให้คำปรึกษาครบวงจร เพื่อผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจสูงสุด